นักเขียนคนหนึ่งประทานอาหาร 27 เมนูที่ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์

” มิชลินสตาร์ “ เป็นรางวัลที่เชฟทั่วโลกต่างปรารถนาที่จะได้มาครอบครอง เพื่อให้ร้านอาหารของตนปรากฏบนแผนที่แนะนำร้านอาหารยอดนิยมที่ไม่ควรพลาด  เสมือนเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์อย่างหนึ่งในวงการอาหาร และถือเป็นเครื่องหมายการันตีถึงความอร่อย ความสร้างสรรค์ของเมนูอาหารที่นักชิมจากทั่วโลกอยากลองดูสักครั้ง แต่ในความเป็นจริงแล้วเซฟที่ได้รางวัลนี้อาจไม่รักษามาตราฐานเหมือนกับครั้งที่อยากได้มาครอบครองจริง ๆ ก็ได้

นักเขียน เจอรัลดีน เดลูเตอร์ ผู้ก่อตั้งบล็อก Everywhereist ได้เขียนบทความหัวข้อ ” ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ที่แย่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา “ โดยเขาได้ลองเข้าไปชิมที่ร้าน Bros ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี ตามแผนที่แนะนำร้านอาหารที่มีเครื่องหมาย มิชลินสตาร์ เอาไว้

ร้าน Bros ที่ได้รับ ” มิชลินสตาร์ ” ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของอิตาลี

โดยเขาระบุว่า “ เขารู้สึกผิดหวังมากกับคุณภาพอาหารเมื่อเทียบกับราคาที่แพงมาก ๆ ของค่ำคืนนี้ เริ่มตั้งแต่อาหารที่มีกลิ่นเหม็นหืน ภาชนะที่ใช้ในการเสิร์ฟ รวมไปถึงพนักงานบริการที่แสดงท่าทีหยาบคายต่อลูกค้าด้วย “

” นี่เป็นคอร์สที่ใหญ่ที่สุดในบรรดา 27 คอร์ส (เรามีบะหมี่หกอันและขนมปังหนึ่งชิ้น) “

เธอยังเขียนอีกว่า ” เขารู้สึกเหมือนพนักงานหมดกำลังใจในการให้บริการ หรือมันอาจจะหมดช่วงเวลาทำงานของแล้วหรือเปล่า บางครั้งก็สับสนเรื่องโต๊ะที่ต้องการเสิร์ฟอาหาร “

เจอรัลดีน ยังบอกอีกว่า ” มันเป็นเรื่องยากที่จะเลือกสิ่งที่แย่ที่สุดในมื้อนี้ “ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรสชาติอาหารที่ต่ำกว่าความคาดหวังเมื่อเทียบกับราคา บริการของพนักงาน ภาชนะที่ใส่อาหารมาเสิร์ฟ เขาแปลกใจที่ทำไมเซฟคนอื่นต่างทุ่มเทไปกับเรื่องรสชาติของอาหาร และการตกแต่งจานอาหาร จนเธอได้มาพบกับคำตอบด้วยเองก็วันนี้

นี่คืออาหารสำหรับทาน 2 คน 

สุดท้ายเจอรัลดีน ยังฝากข้อความถึงเซฟที่ได้ ” มิชลินสตาร์ “ ว่าควรรักษามาตราฐานนของตนเองไว้ให้ดี ๆ ทั้งเรื่องรสชาติ และความคิดสร้างสรรค์ เพราะเมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นมาสิ่งแรกที่ต้องถูกพูดถึงนั้นก็คือ ” พ่อครัว “

ส้มหนึ่งผล กับราคาค่าอาหารที่เสียไป

“ในโลกของอินเตอร์เน็ตมีผู้คนจำนวนมากที่พร้อมจะขึ้นรถทัวร์เพื่อไปกระหน่ำแสดงความคิดเห็นในสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งมันอาจมีเรื่องจริงและเท็จปะปนกันไป โดยที่พวกเขาอาจไม่ได้พิจารณาให้ถ้วนถี่ แล้วคุณจะรอให้มันเกิดเรื่องเหล่านั้นขึ้นกับคุณหรอ “

ข้าวเกรียบปลาที่บางเหมือนกระดาษ

เป็นอย่างที่ เจอรัลดีน กล่าวเพราะเพียงไม่นานหลังจากที่ข้อความของเธอได้ถูกแชร์ไปยังทวิตเตอร์ ก็ทำให้มีผู้คนในโลกโซเชียลจำนวนมากออกมาแสดงความคิดเกี่ยวสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้

” นี่เป็นอาหารจานหลัก อาหารประมาณหนึ่งช้อนโต๊ะ “

ส่วนพ่อครัวของร้าน Bros เองก็ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อความของ เจอรัลดีน  ด้วยเหมือนกันว่าทั้งหมดนั้นมันคืองานศิลปะ ส่วนชาวเน็ตหลายคนก็บอกมันเป็นงานศิลปะที่ดูตลกเหมือนกัน 

ไอศครีมมะกอกหนึ่งช้อนชา

การเสิร์ฟซอส 

ชายคนนี้พยายามคิดว่าส่วนไหนของจานนี้กินได้

เจสสิก้า ศิลปินและผู้เชี่ยวชาญด้านอาหาร ก็ออกมาแสดงความคิดว่ามันอาจต้องวางตัวเป็นกลาง หากตัดสินกันที่รูปแบบการเสิร์ฟนั้นอาจสรุปไม่ได้ว่าอาหารของเขาต่ำกว่ามาตราฐาน เพราะมันอาจเป็นการออกแบบอย่างหนึ่งของเซฟ ซึ่งแน่นอนมีคนส่วนหนึ่งที่ชอบการเสิร์ฟแบบนี้ถึงได้มีลูกค้ามากิน แต่ถ้าเป็นเรื่องความสดของวัตถุดิบ รสชาติ หรือถึงขนาดที่ทำให้ลูกค้าเป็นโรคอาหารเป็นพิษนั้นก็อีกเรื่อง

มันน่ากินใช่มั๊ย?

ของแพงของค่ำคืนนี้

อินเตอร์เน็ตมันมีสองด้านขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกใช้แบบไหน คงเหมือนกับในข่าวที่เราเห็นกับบ่อย ๆ เวลาที่มีปัญหาอะไรพอกลายเป็นกระแสในโลกออนไลน์ก็จะมีสิ่งที่ไม่คาดคิดขึ้นเกิดขึ้นเสมอ  เช่น ปัญหาที่ถูกปล่อยทิ้งมานานพอดังในโชเซียลหน่อย แปบเดียวแก้ไขปัญหาได้เลย ดังนั้นจงตั้งสติพิจารณาหลาย ๆ ด้านให้ดี และวิเคราะห์เหตุผลให้ดี ๆ บทความนี้เราไม่ได้สนับสนุนฝั่งใดเพียงแค่เอามาให้อ่านกันเฉย ๆ

ขอบคุณที่มา Twitter | Facebook | Everywhereist.com | Book

เรียบเรียงโดย เบาสมอง