” ญี่ปุ่น ” เป็นอีกหนึ่งประเทศที่หลายคนคงอยากจะไปเที่ยวสักครั้ง นั้นอาจจะเป็นเพราะความสวยงามทางธรรมชาติที่โดดเด่น รวมไปถึงเรื่องเทคโนโลยี และวัฒนธรรมที่มีการสืบทอดและอนุรักษ์กันมาเป็นอย่างดี จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมหลายคนถึงอยากเดินทางมาเที่ยวที่นี่
นอกจากสิ่งที่เราได้กล่าวไปเบื้องต้นแล้วประเทศญี่ปุ่นก็ยังเป็นที่โด่งดังในเรื่องของการปลูกต้นบอนไซในรูปแบบศิลปะของญี่ปุ่นมาเป็นเวลากว่า 1 พันปีแล้ว แต่ว่ามีคนจำนวนมากที่ยังไม่เคยรู้จักการปลูกต้นไม้โบราณของญี่ปุ่นอีกอย่างหนึ่งที่เขาเรียกกันว่า ” ไดซูกิ ”
ซึ่งการปลูกต้นไม้ด้วยวิธีไดซูกิจะคล้าย ๆ กับการปลูกต้นบอนไซ(เหมือนกับปลูกต้นบอนไซยักษ์) แต่เขาใช้ต้นซีดาร์แทนต้นบอนไซ แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันแตกต่างกันมาก คนที่ปลูกต้นไม้ลักษะณะนี้จะต้องคอยตัดแต่งกิ่งไม้อยู่เป็นประจำ(ทุก 2 ปี) เพื่อให้ต้นไม้ที่งอกขึ้นมาใหม่นั้นตั้งตรงสูงขึ้นไปนั้นเอง อีกทั้งยังไม่มีตาไม้อีกด้วย
การปลูกต้นไม้แบบไดซูกิ ถูกคิดค้นขึ้นมาจากคนในท้องถิ่นแถว Kitayama ในประเทศญี่ปุ่น ในช่วงศตวรรษที่ 14 มันเป็นวิธีการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนพื้นที่ในการปลูกต้นไม้ยืนต้น อีกทั้งการปลูกต้นไม้ในที่ลาดชันมันก็เป็นเรื่องที่ยากด้วย วิธีการปลูกต้นไม้แบบไดซูกิ จึงกลายเป็นที่นิยมของคนในพื้นที่แถวนั้น เพราะเวลาที่จะใช้ไม้ก็แค่ตัดในส่วนที่มันตั้งตรงขึ้นไป แต่ลำต้นส่วนล่างก็ยังคงอยู่และมันก็จะงอกขึ้นมาใหม่
นอกจากประโยชน์ในการประหยัดพื้นที่ในการปลูกแล้ว ไม้ที่ได้จากการปลูกแบบไดซูกิเองเนื้อไม้ก็ยังมีความยืดหยุ่นมากกว่าไม้แบบซีดาร์ธรรมดาถึง 140 % และยังแข็งแรงกว่าถึง 200 % ด้วยซ้ำ ดังนั้นไม้ที่ได้จากการปลูกต้นไม้แบบไดซูกิ จึงเหมาะแก่การเอามาปลูกบ้านเพื่อให้มีความคงทนต่อเหตุการณ์ทางธรรมชาติต่าง ๆ ในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย
การปลูกบ้านจากไม้ซีดาร์
แต่มาในช่วงประมาณศตวรรษที่ 16 การปลูกไม้แบบไดซูกิกลับได้ความนิยมน้อยลง (เพราะความต้องการไม้ซีดาร์น้อยลง) แต่การปลูกลักษณะนี้ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่ในกลุ่มของคนที่ชอบจัดสวน และในชาวบ้านท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่นบางส่วน
มีหลายพื้นที่ในป่าของประเทศญี่ปุ่นที่ยังคงพบเห็นต้นไม้ที่ปลูกด้วยวิธีแบบไดซูกิอยู่ เนื่องจากเพราะเมื่อหลายร้อยปีที่แล้วไม้เหล่านั้นได้ถูกตัดออกไปเพื่อเอาไม้ไปสร้างบ้าน แต่รากของมันยังคงอยู่ทำให้ต้นไม้เหล่านี้ก็ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่องเพียงแต่ว่ามันอาจจะไม่ได้ตั้งตรงเหมือนแต่ก่อนเพราะว่าขาดการดูแลนั่นเอง
ถือได้ว่าเป็นการปลูกต้นไม้ที่สวยงามและชาญฉลาดเป็นอย่างมากเลย เพราะว่ามันไม่ต้องโค่นต้นไม้ อีกทั้งมันก็ยังคงให้ผลผลิตได้รวดเร็วกว่าการปลูกใหม่อีกด้วย
ขอบคุณที่มี Twitter | เรียบเรียงโดย เบาสมอง