หลายคนที่อยากแยกตัวเองออกจากความวุ่นวาย คงเคยมีความคิดว่าอยากจะสร้างหมู่บ้านของตัวเองโดยคนในหมู่บ้านจะมีแต่พี่น้องตัวเองเท่านั้น และดูเหมือนว่าสิ่งที่เราคิดนั้นมันเป็นเรื่องที่ไม่อาจจะเป็นไปได้ แต่คุณก็อย่าเพิ่งด่วนสรุปแบบนั้น เพราะตอนนี้มันมีคนที่ทำแบบนี้แล้ว
เมื่อ 5 ปีก่อนครอบครัวบริ้งส์ได้ซื้อที่เอาไว้ประมาณ 21,245 ตารางวา หรือประมาณ 53 ไร่ ในรัฐเคนตักกี้ด้วยราคา ประมาณ 1,779,369 บาท เพื่อที่เขาจะทำตามความฝันของครอบครัว นั้นก็คือ การสร้างหมู่บ้านของตัวเอง
พวกเขาวางแผนด้วยกันเพื่อที่จะสร้างหมู่บ้านส่วนตัวของเขา
ครอบครัวของเขามีสมาชิกอยู่ 4 คน แต่เขาวางแผนที่จะสร้างบ้านเอาไว้ 6 หลัง โดยเป็นบ้านของพ่อแม่ 2 หลังแยกกัน และสำหรับเลนน็อกซ์ และบรอดดีคนละหลังอยู่คู่กัน และมีสระว่ายน้ำด้วยนะ
บ้านของพ่อแม่มีราคาแพงที่สุด ด้วยราคาประมาณ 9,000 ดลอลาร์ หรือประมาณ 280,867 บาท บนเนื้อที่ 26 ตารางเมตร
ภายในสวยงามพร้อมรับแสงอาทิตย์ในยามเช้า
ห้องครัวขนาดเล็กที่มีพร้อมทุกอย่าง
ห้องอาบน้ำของพ่อ และแม่
หลายคนอาจจะสงสัยกับตัวเลขของขนาดพื้นที่ทั้งหมดว่าเขาจะปลูกบ้านหลังเล็กๆ กันทำไม? ในเมื่อเขามีที่ตั้งมากมาย Stephanie McQueen ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการบริหารจัดการหมู่บ้านขนาดเล็กบอกว่า การอยู่บ้านที่มีขนาดเล็กมีทั้งข้อดี และข้อเสีย
บ้านเล็ก ๆ ของ เลนน็อกซ์ และบรอดดีไม่มีห้องน้ำดังนั้นพวกเขาจึงต้องออกไปข้างนอก และใช้หนึ่งในสองห้องน้ำนี้
ภายในห้องนอนกับเตียงขนาดใหญ่
สระน้ำส่วนตัวของครอบครัวบริ้งส์ขนาด 180 ตารางฟุต
พื้นที่ส่วนกลางแห่งนี้เหมาะสำหรับการพบปะสังสรรค์ในครอบครัวและเล่นเกมยามค่ำคืน
บ้านหลังเล็กๆ ของ บรอดดี
ภายในมีอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน
ข้อดีคือ คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในบ้านเล็ก ๆ จะออกมาใช้เวลานอกบ้านมากขึ้น มันเป็นสิ่งที่จะทำให้สุขภาพของคุณดีขึ้น และมีความสุขโดยรวมเมื่อคุณอยู่ในธรรมชาติ และดูดซับวิตามินจากแสงแดดเป็นประจำ
บ้านของ เลนน็อกซ์
ภายในเก๋ดีนะ
ที่นี่มี Playstation เอาไว้ให้เล่นด้วย
ข้อเสียคือ คุณอาจจะลำบากหน่อยถ้าอยากจะจัดปาร์ตี้ในบ้าน หรือจัดงานนัดรวมญาติเพราะข้อกำจัดของพื้นที่ของตัวบ้าน เท่านั้นเอง
อาคาร 64 ตารางฟุตนี้เป็นสำนักงานส่วนตัวของครอบครัวซึ่งคุณแม่เคลี่ และสามีของเธอสามารถใช้ทำงานได้จากที่บ้าน
เขามีฟาร์มสัตว์ และโรงนาส่วนตัวด้วย เพื่อวิถีชีวิตที่ยั่งยืนของครอบครัว
การที่มีบ้านหลังเล็กๆ มันก็ดีตรงที่พวกเขาจะได้มีเวลานั่งคุยกันมากขึ้น
พวกเขาบอกว่ามันเป็นเพียงแค่จุดเริ่มที่จะทำให้ดูเป็นตัวอย่าง ในอนาคตผู้คนมากมายที่เบื่อชีวิตในเมืองก็อาจจะอยากทำเหมือนพวกเขาก็เป็นไปได้
ขอบคุณที่มา LennoxBrinks | เรียบเรียงโดย เบาสมอง